วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

ลาบปลาดุกนา

ช่วงนี้ไปเดินตลาดสดตอนเช้ามีปลานาเยอะเลยค่ะ ทั้งปลาช่อนตัวโตๆแต่วันนี้มีเมนูนี้มานำเสนอค่ะ
ไปได้ปลาดุกนามาจำนวนหนึ่งค่ะ. ปลาดุกนาแค่เราเอามาย่างกินก็อร่อยแล้ว.เลยแบ่งอีกส่วนมาทำ
ลาบดีกว่า. ลาบปลาดุกคุณพ่อทำให้กินบ่อยค่ะเพราะคุณพ่อจะชอบอาหารท้องทุ่ง.ทานคู่กับผักสด
ว่าแล้วเราเริ่มติดเตาถ่านกันค่ะ วันนี้เตาถ่านอย่างเดียวค่ะ .ว่าแล้วเราลุยกันเลยค่ะ^^





ส่วนผสม. 1 ปลาดุกย่างไม่ต้องสุกมาก สุกกลางๆ  5  ตัว เลาะก้างออกสับให้ละเอียด
                2. น้ำปลาร้าสำหรับต้ม                           3           ช้อนโต๊ะ
                3. ข่าอ่อนหั่นเต๋า                                    2            ช้อนโต๊ะ
                4.พริกป่น. ข้าวคั่ว. น้ำปลา  มะนาว ปรุงตามรสชาติที่เราชอบ
                5. ต้นหอม.ผักชีฝรั่ง. สะระแหน่. และผักสดตามใจ
               6.  น้ำสะอาด              2    ถ้วยตวง
ย่างพอสุกค่ะ

วิธีทำ.  1   เอาหม้อใส่น้ำสะอาด  2 ถ้วยตวง  ตั้งไฟต้มให้เดือด ใส่หัวปลาดุกย่าง ที่เราตัดไว้
              แล้วใส่น้ำปลาร้าตามลงไป  3ช้อนโต๊ะ  ต้มต่อไปสักพักยกลงพักไว้

          . 2  นำหม้ออีกใบมาตั้งไฟ ใส่เนื้อปลาดุกย่างที่เราสับละเอียดไว้  ตามด้วยน้ำต้มที่เรา
                ใส่สักประมาณหนึ่งทัพพีหรือน้อยกว่านั้น แล้วรวนให้เนื้อปลาสุกและขึ้นฟูค่ะ
                ยกลงจากเตา ใส่ข่าอ่อนที่เราหั่นเตรียมไว้ คนให้เข้ากัน แล้วปรุงรสได้เลยค่ะ
               สัดส่วนของการปรุงตามใจชอบนะค่ะ ชิมได้รสชาติที่ต้องการตามด้วยต้นหอมผักฃีฝรั่ง
               สะระแหน่ เรียบร้อย จักเสิร์ฟทานคู่กับผักสดและข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ  แซ่บหลายเด้อ
ขาดไม่ไๆด้น้ำต้มปลาร้าเด้อ
สับให้ละเอียดกันนะ

           

           
         

รวนๆๆให้สุกเนื้อปลาขึ้นฟู
ปรุงรสแล้วจ้า
เรียร้อยแล้ว
มาเด้อๆๆแซ่บๆๆเลยเด้อจ้า

cookingTip :     คนเขียนทานข้าวเหนียวไม่ได้เลย  หุ่งข้าวใส่ดอกอัญชัน ทานกับลาบค่ะ









วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แกงเห็ดสมุนไพร

แกงเห็ด

เมนูนี้รู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยกันนะค่ะ  ที่คิดทำเมนูนี้ขึ้นมาเพราะว่า
ฉันไปบ้านเพื่อนไปเจอเถาใบย่างนางขึ้นที่หลังบ้านของเพื่อน ถามเพื่อนได้ใจ
ความว่า คุณพ่อของเธอเอามาปลูกไว้ ใบสวยเป็นมันฉันเลยขอเพื่อนมาบอกว่า
ขอเอามาทำน้ำย่านางกินสิ  แต่ในใจฉันยังไม่เคยกินน้ำใบย่านางเลย  ขอมาแล้ว
นั่งดูเลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า  เอามาใส่แกงเห็ดดีกว่า  ว่าแล้วฉันก็ออกไปหาซื้อ
เห็ดมาทำ เพราะของสดอย่างอื่นฉันมีพร้อมแล้วในตู้เย็นของฉัน ว่าแล้วเรามาทำกัน

ส่วนผสม.1 เห็ดสามอย่าง เห็ดออรินจิ หั่น   150  กรัม
            2.เห็ดชิเมจิสีขาวและสีน้ำตาล   200 กรัม
            3. ตะไคร้  1 ต้น พริกสด   7 เม็ด
            4. ใบย่านาง 15ใบ คั้นเอาน้ำ 3 ถ้วยตวง
            5. น้ำปลาร้า นิดหน่อย เกลือและน้ำปลาอย่างละนิด
            6. ใบแมงลัก 200 กรัม ตามความชอบ

วิธีทำ.   เอาตะไคร้และพริกสดมาตำให้ละเอียด ในส่วนนี้บางคนไม่ชอบไม่ตำก็ได้ค่ะ
หั่นตะไคร้บางๆและบุบพริกสักนิดก็ได้  แต่ฉันชอบตำเครื่องแกงให้ละเอียดนะค่ะ
เอาน้ำย่านางใส่หม้อขึ้นตั้งไฟ  ละลายเครื่องแกงที่ตำไว้คนให้เครื่องแกงละลาย
พอน้ำย่านางเดือดให้ปรุงรส ใส่น้ำปลาร้า ในตอนนี้ใช้น้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะก่อนค่ะ
ตามด้วยเกลือนิดหน่อย  ชิมรสให้ออกรสชาติพอดีๆๆ ทางอิสานใช้คำว่า ออกรส นัว
คำว่า นัวคือรสชาติพอดีกลมกล่อมค่ะ จากนั้นให้ใส่เห็ดลงไป พอเห็ดสุกยกลง ตามด้วยใบแมงลัก  จัดเสิร์ฟเลยคร้า 









Cooking: เมนูนี้ดีต่อสุขภาพค่ะ



วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ข้าวไข่ตุ๋นเห็ดหอม

                                           ข้าวไข่ตุ๋นเห็ดหอม
ที่มาของเมนูนี้เนื่องจากว่า  เพื่อนเอาเห็ดหอมแห้งมาให้   บอกว่าที่บ้านซื้อมาเยอะเกิน   จะกินไม่ทันเลย
แบ่งมาฝากเจ้   เผื่อว่าเจ้จะคิดเมนูอะไรขึ้นมาได้   ก็เลยคิดว่าจะตุ๋นใข่ใส่เห็ดหอมนี่หล่ะ   แล้วมาความคิดขึ้นว่า  ข้าวสวยถ้าหุงแบบธรรมดาก็จะเป็นรสชาติเดิมๆ .ตอนที่นั่งคิดนะ  เอาเห็ดหอมแห้งมาแช่น้ำ
ให้มันนิ่มก่อนที่เราจะนำไปปรุงใช่มั้ยค่ะ  มองไปที่ถ้วยแช่เห็ดหอมแห้ง  มองไปก็กำลังเจอน้ำที่แช่เห็ดหอม  มันกำลังออกสีเหลืองนวล  มองเห็นแบบนั้น ได้ความคิดเลยค่ะ  เจ้เลยลองเอาน้ำแช่เห็ดหอมแห้ง
มาหุงข้าว   พอทำเสร็จออกมาแล้ว เจ้ได้อาหารเมนูใหม่ในแบบของเจ้นะค่ะ  รสชาติอร่อยมาก รสสัมพัสเบาๆ ไม่จัดจ้านนะค่ะ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย  ว่าแล้วเราก็มาเตรียมของกันดีกว่า


        ส่วนผสม 1. ข้าวหอมมะลิเก่า            1                         ถ้วยตวง
                               2. ไข่ไก่                              2                         ฟอง
                               3. ไข่เยี่ยวม้า                      1                         ฟอง
                               4. เห็ดหอมแห้ง                 6                           ดอก
                               5.เบบี้แครอต                     2                           หัว
                               6. ต้นหอม                         3                           ต้น
                               7. ก้อนปรุงรสไก่                1                          ก้อน
                               8.เกลือ  น้ำปลา เล็กน้อย
                               9.  น้ำเปล่า                         2                         ถ้วยตวง
                              10. ผงปรุงรสไก่                   2                         ช้อนชา
       วิธีทำ      1. แบ่งน้ำ 1 ถ้วยตวงเอาไปแช่เห็ดหอม   พอเห็ดหอมนิ่มเอาออกแล้วกรองน้ำที่แช่เห็ดหอม  มาหุงข้าว  ก่อนจะหุงข้าวให้ใส่เกลือลงไปในน้ำแช่เห็ดเล็กน้อยประมาณติดปลายช้อนชา   และตามด้วย ผงปรุงรสไก่ คนให้ส่วนผสมละลายแล้วนำไปเทใส่ในข้าวที่เราจะหุง  ตามมาด้วยเห็ดหอมเอามาหั่นเป็นชิ้น สามดอกตามลงไปในข้าว  เราจะหุงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าก็ได้ด้วยความสะดวก แต่ที่บ้านเจ้ ไม่มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าค่ะ เจ้ใช้วิธีเอาข้าวใส่หม้อแบบนี้แล้วนำไปนึ่งตามรูปที่แนบมาให้ดูค่ะ   น้ำที่ใช้หุงข้าว เจ้ไม่ได้ใช้หมดนะค่ะ กะเอา สัก1ข้อนิ้วของเราตามมาตรฐานนะค่ะ

สารพัดประโยชน์ค่ะ  
2. มาถึงขั้นตอนที่สอง   เอาแคร์รอต  และต้นหอมนำแต่ส่วนหัวมาหั่นรวมทั้งเห็ดหอม.  เสร็จแล้วพักไว้
น้ำส่วนที่เหลือเอามาตั้งไฟทำน้ำซุป  ใส่ซุปก้อนลงไปตั้งไฟให้เดือด สักพักยกลงพักไว้ให้อุ่นๆ
ตอกไข่สองฟองใส่ชามผสม  ตีไข่ให้ฟู ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย  น้ำปลานิดหน่อย และตามด้วยน้ำซุปตามใจชอบ ที่บอกว่าตามใจชอบ เพราะว่าบางคนชอบไข่ตุ๋นเนื้อนิ่มๆ ในส่วนของเจ้ชอบแบบเนื้อแน่นนิดๆไม่นิ่มมาก  ตามด้วยไข่เยี่ยวม้าลงไป นำไปนึ่ง ประมาณ10 นาที จัดเสิร์ฟ พร้อมข้าวหุงเห็ดหอมเลย
ข้าวหุงเห็ดหอมถ้วยนี้ทานแต่ข้าวก็อร่อยแล้วค่ะ
ตามรูปนี้ทำกินอีกวันเลยลองเอาปูอัดใส่ลงไปด้วยขอบอกว่า สุดยอดค่ะ







   



         



                   

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เมนูวันหยุด แกงกะหรี่ผัก

                          แกงกะหรี่ผัก
วันหยุดสุดสัปดาห์  หาเมนูทำกินกันทั้งวันเลยดีกว่า  เอาตามแบบ
อย่างของแม่และพ่อ   ที่เคยทำให้กินเวลาถึงวันหยุดเสาร์อาทิตย์
มาลงตัวที่  เมนูนี้ค่ะ  แกงกะหรี่ผัก เลือกเมนูนี้เพราะว่าเด็กๆน่าจะ
ชอบ เพราะมีรสชาติไม่กลมกล่อม และที่สำคัญ   เราใส่ผักเข้าไป
ด้วย ว่ากันแล้วเรามา เข้าครัวกันดีกว่าค่ะ      


       ส่วนผสม

สะโพกไก่                                    2            ชิ้น
ถั่วลันเตาหวาน                           6-7         ฝัก
ฝักทอง แคร์รอตอย่างละ            3            ชิ้น

หั่นชิ้นขนาด    1/2x1                                 นิ้ว

น้ำพริกแกงเผ็ด                           1 1/2          ช้อนโต๊ะ
ผงกะหรี่                                       1            ช้อนโต๊ะ
กะทิกล่อง   UHT                        250         กรัม
น้ำเปล่า                                      1/4          ถ้วยตวง
น้ำมันพืช                                     1            ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปิ๊บ                                  1/2          ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา                                       1/2          ช้อนโต๊ะ
         
           วิธีทำ
1. เลาะกระดูกไก่ออก   หั่นเป็นชิ้นเตรียมไว้
2.ผสมน้ำพริกแกงเผ็ด และผงกะหรี่ให้เข้ากัน ใส่ลงไปผัดในน้ำมันพืช เติมกะทิ 1/4 ถ้วยตวง
ผัดจนน้ำพริกสุกและหอม
3.ใส่เนื้อไก่ลงผัด เติมน้ำเปล่า และกะทิอีก 1/2 ถ้วยตวง พอเดือด ปรุงรสด้วย น้ำปลา และ
น้ำตาลปิ๊บ
4.พอไก่สุก ใส่แคร์รอต ฟักทอง พอสุกทั่วกัน  ใส่ถั่วลันเตาหวาน และกะทิที่เหลือ  เคี่ยวพอ
น้ำขลุกขลิก ถ้าแห้งไปสามารถเติมน้ำเปล่า ได้เล็กน้อย  เสิร์ฟพร้อม  อาจาด


ส่วนผสมอาจาด
น้ำส้มสายชู                            1/4                ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย                          1/4                ถ้วยตวง
เกลือป่นหยาบ                        1/2                ช้อนชา
น้ำเปล่า                                  2                   ช้อนโต๊ะ
แตงกวาซอย                          1/4                 ถ้วยตวง
แคร์รอตซอย                          1                   ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย                          2                   หัว
พริกชี้ฟ้าสีแดงซอย และผักชีซอย  เล็กน้อยตามความชอบ

วิธีทำ
1. ผสมน้ำส้มสายชู  น้ำตาลทราย เกลือป่น น้ำเปล่า ยกขึ้นตั้งไฟ
พอเดือด  ยกลงพักไว้ให้เย็น
2. จัดแตงกวา แคร์รอต หอมแดง พริกชี้ฟ้า ผักชีใส่ถ้วย ราดด้วยส่วผสม
ที่1 จัดเสิร์ฟพร้อมแกงกะหรี่ผัก

Cookikn Tip: .เคี่ยวผักให้นานขึ้น จะเพิ่มรสชาติหวาน ทานอร่อย  ยิ่งอุ่นบ่อย รสชาติจะเข้มข้นค่ะ

Health Tip :  ฝักทองมีเบต้าแคโรทีนสูง เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

น้ำพริกมะเขือเทศ

หายไปหลายอาทิตย์กลับมาแล้วค่ะพร้อมเมนูเพื่อสุขภาพที่คิดเมนูนี้ขึ้นมาเพราะไปเดินเก็บผักริมรั้วมาค่ะมี ยอดตำลึง  ยอดกระถิน ผักบุ้ง  เลยคิดขึ้นได้ว่าในตู้เย็นมี มะเขือเทศ พริกสด มะนาวอยู่  เกิดความคิดว่า  ทำน้ำพริกทานกับผักลวกดีกว่า  ว่าแล้วเราก็มาเตรียมของกันค่ะ
ผักริมรั้วปลอดสารจ้า

                                   น้ำพริกมะเขือเทศ
ส่วนผสม   1. มะเขือเทศท้อ  2  ลูก เลือกลูกสุกกำลังดี
                 2.  หอมแดง       15  หัว  เลือกหัวเล็กพอดีๆ
                 3.  พริกสด          20  เม็ด
                 4.  มะนาว             1 ลูก ใช้ประมาณ 1 ซีก
                 5.  น้ำปลา   น้ำตาลทราย  อย่างละนิดหน่อย
                 6. ผักสด และผักลวก เลือกได้ตามใจชอบ


วิธีทำ        1. นำมะเขือเทศ มาผ่าครึ่ง  เอาไปย่างบนเตาถ่าน และเอาพริกสด มาเสียบไม้ย่างไฟพร้อมหอมแดง  ย่างไฟอ่อนๆ  ย่างให้สุกทั้วกันดี   พักไว้
ย่างไฟอ่อนๆกันนะจ๊ะ^_^

                 2. พอทุกอย่าง สุกดีแล้ว แกะเปลือกหอมแดง ลงครกตำพร้อมพริกสดย่าง ให้ละเอียด
นำมะเขือเทศมาลอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาผสมกับหอมแดงและพริกในครก
ปรุงรสตามใจชอบค่ะ อย่าใส่น้ำตาลเยอะนะค่ะ ใส่สักเล็กน้อย มะนาวก็อย่าเพิ่งใส่เยอะ  เพราะมะเขือเทศมีรสเปรี้ยวอยู่แล้ว เราใส่แค่ตัดรสชาติให้กลมกล่อม และมีกลิ่นหอมมะนาว
ย่างเสร็จแล้วหน้าตาแบบนี้จ้า

  ที่จริงสูตรนี้ เจ้ดัดแปลงมาจากสูตรของแม่ที่พาทำ  สูตร ของแม่จะใส่ปลาร้าด้วย เพื่อนๆคนไหนอยากเติมปลาร้าก็เติมได้เลยนะค่ะ . เสร็จแล้ว เราสามารถทานกับปลานึ่งผักลวกก็ได้
เสร็จแล้วจ้า น่ากินมั้ย

 แต่ในสูตรนี้ เจ้ทานกับปลาทูย่างค่ะ ผักก็เก็บริมรั้วมา มีเพิ่มมาอย่างเดียวคือเจ้ลวกเห็ดเข็มทองทานด้วย   ทานกับข้าวเหนียวนึ่ง  อร่อยมากค่ะ แต่เจ้ทานกับข้าวกล้องหุง ค่ะ เพื่อสุขภาพเจ้ อิอิ

Cooking  Tip :    อิ่มอร่อยกับผักที่เราชอบได้เลยนะค่ะ  ในสูตรนี้ทำทานเพื่อลดน้ำหนักก็ได้ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

ว่าด้วยเรื่องของดอกอัญชัน

ตั้งหัวข้อเรื่องดอกอัญชัน เพราะว่า เจ้เอาเมล็ดมาปลูก 1ฝัก  เพราะไปเห็นที่บ้านพี่คนหนึ่งเค้าปลูกใส่กระถางแล้วหาไม้ให้เค้าเลื้อยแบบเป็นระเบียบ  ก็เลยลองเอามาปลูกใส่กะละมัง ที่มันรั่ว ได้ผลดีค่ะ
ปลูกโรยเมล็ดประมาณสามเดือนก็ให้ดอกแล้วค่ะ  จนมาถึงวันนี้ อัญชันออกดอกเต็มต้น  เก็บทุกวัน
ปลูกเองที่บ้านค่ะ ใส่กะละมังรั่วไว้

ตอนเช้า เอาชงใส่น้ำผึ้งและมะนาว 1ซีก  ดื่มเพื่อสุขภาพ เพราะอัญชันคุณประโยชน์มากหลาย
แต่ไม่ได้ดื่มทุกวัน ใน หนึ่งอาทิตย์ จะดื่ม สองวันค่ะ ถ้วยประมาณนี้ ดื่มอุ่นๆ ค่อยจิบนะค่ะ
ดื่มอุ่นๆๆกันนะค่ะในตอนเช้า
 พออัญชันออกดอกเยอะขึ้น  ก็เก็บมาทานกับน้ำพริกบ้าง ทานสดๆแบ่งให้เพื่อนๆบ้าง
 ก็ยังเยอะอยู่ดี  บางทีหุงข้าว โยนลงไปในหม้อหุ่งข้าวสามสี่ดอก เราก็ได้ข้าวหุ่งดอกอัญชันสีสวย
 ก็เลยเกิดความคิดขึ้นว่า เอามาทำเป็นน้ำเชื่อมไว้ดีกว่า ว่าแล้วก็จัดการเลยค่ะ

พร้อมแล้ว
วิธีทำไม่มีอะไรยุ่งยาก
1 ดอกอัญชันเอามาเด็ดกลีบเลี้ยงและเกสรออก เพราะบางคนอาจจะแพ้เกสรดอกไม้
ใช้ดอกอัญชันสี่สิบดอกค่ะ พอดีไม่ได้ชั่ง
2.น้ำตาล ทรายขาว  ต้องเน้นว่าขาวนะค่ะ 300 กรัม 
3.น้ำสะอาด  3 ถ้วยตวง
เรามาเริ่มทำกันเลยค่ะ . ในขั้นตอนแรก เด็ดกลีบอัญชันล้างน้ำให้สะอาด 
เอาน้ำสะอาดใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด   พอน้ำเดือด ใส่อัญชันลงไป  ต้มให้เดือด
อีกทีตามด้วยน้ำตาลทราย ลงไปเคี่ยวให้เหนียว ใช้เวลาประมาณ 30นาที  พอประมาณ
กะดูให้เหนียวพอใช้ได้ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ให้เย็นเก็บใส่ตู้เย็นไว้ใช้ได้เลย
สองสามวันมานี้ไปเดินตลาดไปเจอ เสาวรสกำลังออกเยอะมา ราคาถูกด้วยเลยได้ความคิด
ช่วงนี้ล้นตลาด อร่อยมากคร้า

สามเกลอแสนอร่อย

ผสมกับเสาวรสออกมาสีประมาณนี้ค่ะ

สำหรับแก้วนี้ผสมมะนาวสีสวยจับใจ

สวยหวานหอมอร่อยค่ะ

ขึ้นมาว่าลองเอามาคั้นเอาน้ำเสาวรสมาลองผสมกับน้ำเชื่อมอัญชันของเราดูสิรสชาติ
จะเป็นยังไง จะลุ้นให้ออกสีเขียวส่องคงไม่ได้เพราะเสาวรสมีรสชาติเปรี้ยว มีค่าเป็นกรด
เลยออกมาสี่แบบนี้   และเอามาผสมกับน้ำมะนาวเราก็จะได้สี่ม่วงสวยมาก รสชาติดี 
ดื่มแล้วชื่นใจ อีกหนึ่งเมนู  เอามาทำอิตาเลี่ยนโซดาก็ได้  เราก็ซื้อโซดามาผสมกันนะค่ะ



CookingTip:  เพื่อสุขภาพ เน้นหวานน้อยกันนะค่ะ   เจ้ก็เน้นหวานน้อยค่ะ  อีกอันหนึ่งเจ้เอามาต้มพร้อมกับใบเตยหอม  ใช้ดื่มระหว่างวัน  ดื่ม 1วันในสัปดาห์ค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

ห่อหมกปลาสมุนไพร สูตรบ้าน

ช่วงนี้ฝนกำลังตกชุก.  ในฤดูการนี้ ปลาจะเยอะเป็นพิเศษ .แม่ของเจ้จะชอบซื้อปลามาทำอาหาร
และมีหลากหลายเมนูมาก ถ้าได้ปลาเล็กปลาน้อยมาแม่ก็จะ  เอามาทำปลาแดดเดียวทอดให้ลูกๆกิน
แต่ถ้าได้ปลาเนื้ออ่อนมา  แม่จะทำเมนูนี้เลยค่ะ  ห่อหมก (ภาษาถิ่นอิสานเรียก  หมกปลา)  เจ้มาตั้งชื่อ
ให้น่าฟังและน่ากิน  แต่ที่จะนำเสนอในวันนี้เจ้ใช้ปลาทับทิม และเติมเนื้อเห็ดลงไปด้วย  ทำเสร็จแล้ว
ชิมดูรสชาติอร่อยมาก  เพราะเจ้เพิ่มเติมจากสูตรเดิมของแม่ที่พาทำ  เติมวัตถุดิบแบบใหม่ๆลงไปอร่อยแน่นอนค่ะ เรามาเตรียมของกันค่ะ
    สิ่งที่ต้องเตรียม
 1. ปลาทับทิมหั่นครึ่งตัว    1ตัว ขนาด700 กรัม
 2. พริกสด 5-8  เม็ด..ตามแถวบ้านเจ้จะมีพริก บ้านแบบเผ็ดสุด แต่ใช้พริกชี้ฟ้าได้ค่ะ
 3. ตะไคร้ 2 หัว. ใบมะกูด 5 ใบ. ใบแมงลัก ต้นหอม  มากน้อยตามใจชอบ
 4. เห็ด  ในรูปใช้เห็ดหอมสด เห็ดนางฟ้า และเห็ดขอนขาว
 5. น้ำปลาร้าต้มแล้วกรอง  2ช้อนโต๊ะ  และน้ำปลา
 6. ใบตองสำหรับห่อ และไม้ตอกเอาไว้มัด


     วิธีทำ
  1.นำปลามาล้างให้สะอาด พักไว้
  2. เอาพริกสดมา ตำพร้อมตะไคร้  และใบมะกูดฉีก ใส่เกลือเล็กน้อย. ถ้าไม่ชอบแบบตำให้หั่นตะไคร้ และพริกก็ได้  แต่เจ้ว่า มันไม่ถึงเครื่องเวลาเราปรุงนะค่ะ เพราะเจ้ชอบเผ็ด รสจัด
  3.  ตักส่วนที่เราตำมาคุกเคล้ากับเนื้อปลา ปรุงรส  ใส่น้ำปลาร้าลงไป และน้ำปลาอีกนิดหน่อย  ถ้าไม่
ชอบปลาร้า  ใส่แต่น้ำปลาก็ได้   ก็จะเป็นน้ำปลา 1 ช้อนครึ่ง กำลังดี อย่าให้เค็มมาก .ใส่เห็ดและใบแมงลักต้นหอม ตามลำดับ
  4. ฉีกใบตองรองสองชั้น    ตักเนื้อปลาที่เราปรุงเสร็จแล้วลงไป ห่อให้มิดแล้วเอาตอกมัดให้แน่นเพื่อว่าจะไม่หลุดเวลาเราเอาไปย่างไฟ  ใช้ถ่านไฟ อย่าอ่อนมากนะค่ะ  ตามเคล็ดลับของพ่อเจ้  พ่อจะเอาขี้เถ้า
กลบไว้ไม่ให้ไฟแรงเกินไป  สุกแล้วกินได้
Cooking Tip:  เห็ดหอมสดเวลามันสุกจะหอมมาก
 ให้รสสัมผัสของความหอมชูรสให้ห่อหมกปลาสมุนไพรวันนี้อร่อย ยิ่งขี้น  โดยส่วนตัวจะใส่ใบแมงลักเยอะๆเพราะชอบมากค่ะ